ตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ
1. ไมค์ วาโซว์สกี้ (mike)

ไมค์ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเขียวที่มีปัญญาฉับไวตัวนี้คือชีวิตของกลุ่มสัตว์ประหลาด และมีตาเดียวไว้สำหรับมองสาวๆ (โดยเฉพาะซีเลีย) ถึงแม้ว่าไมค์จะไม่ค่อยได้มองตาประสานตากับเพื่อนร่วมบ้านที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาด้วย แต่ไมค์ก็ภูมิใจในตัวซัลลีย์ และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นทั้งเพื่อนที่ซื่อสัตย์และใส่ใจเมื่อถึงเวลาที่ซัลลีย์มีปัญหา ตัวละครที่ทั้งตลกและมีสีสันตัวนี้ให้เสียงพากย์ที่สดใสโดยบิลลี่ คริสตัล ผู้มากไปด้วยความสามารถ และเคยฝากผลงานอันน่าประทับใจไว้แล้วทั้งในฐานะนักแสดง ดาราตลก ผู้กำกับ และยังเป็นพิธีกรเวทีออสการ์ที่ทุกคนชื่นชอบอีกด้วย
มหา’ลัย มอนสเตอร์ส
Mike Wazowski และ James P. Sullivan เป็นคู่ซี้ที่แยกกันไม่ออก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เมื่อครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันในมหาวิทยาลัย พวกเขาไม่สามารถจะทนซึ่งกันและกันได้เลย มหา’ลัย มอนสเตอร์ส จะเปิดล็อคประตูพาผู้ชมไปสู่การที่ Mike กับ Sulley ยอมรับความแตกต่างของพวกเขาจนกลายมาเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด
ตัวละคร

Mike Wazowski
ความฝันตลอดทั้งชีวิตของ Mike Wazowski คือการได้เป็นนักหลอนของบริษัทรับจ้าง หลอน(ไม่)จำกัด
James P. Sullivan
ด้วยความที่มีอีโก้สูงและไม่รู้ชะตากรรมในอนาคต Sulley ผู้ดื้อรั้นจึงต้องร่วมแก๊งกับเหล่าสัตว์ประหลาดที่ทั้งเพี้ยนและอยู่ผิดที่ผิดทาง
Randy Boggs
แรนดี้ น้องใหม่ในมหา’ลัย มอนสเตอร์ส มีแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ที่จะใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

Art
Art ผู้ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ เป็นสัตว์ประหลาดลึกลับที่มีภูมิหลังน่าสงสัย ถือได้ว่า Art เป็นสมาชิกที่มีความแปลกประหลาดมากที่สุด
Claire Wheeler
Claire Wheeler เป็นประธานของ Greek Council ที่มหา’ลัย มอนสเตอร์ส ปีนี้ เธอได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินรายการ
Dean Hardscrabble
สำหรับคุณบดีฮาร์ดสแครบเบิ้ลแล้ว ถ้ามอนสเตอร์ไม่น่ากลัว ก็ไม่ใช่มอนสเตอร์ ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะรู้สึกเช่นนี้
Don Carlton
ดอน สัตว์ประหลาดที่เชี่ยวชาญด้านการขายจากมิดเวสเทิร์นต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ เขาได้ กลับมาเรียนเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
Ms. Squibbles
Ms. Squibbles เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีหัวใจเปี่ยมรัก เธอสนับสนุน ส่งเสริม และทำสิ่งต่างๆ อีก มากมายเพื่อประคบประหงมสก็อตต์
Professor Knight
Professor Knight สอนวิชาเขย่าขวัญ 101 ซึ่งเป็นหลักสูตรเบื้องต้นสำหรับการเรียนหลักสูตรเขย่าขวัญ

Scott "Squishy" Scribbles
สก็อตต์ สควิชชี่เป็นผู้ให้คำนิยามใหม่สำหรับมอนสเตอร์ "ไร้สังกัด" เขาเป็นนักศึกษาปี 2 ที่ ไม่สมหวังกับความฝันการเป็นนักหลอน

Terri & Terry Perry
เมื่อพูดถึงแทรี่ย์ ก็อดที่จะมีคำถามไม่ได้ว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียวจริงๆ น่ะหรือ พี่น้องที่ชอบโต้เถียงกัน
ติดตามตัวละครได้ที่ : movies.disney.co.th/monsters-university/characters
การ์ตูนภาคแรกของMonster
ประวัติ Monster
เรื่องย่อ มาหาลัยมอนสเตอร์ 2001
เมื่อถึงเวลาขึ้นนอน เด็กๆทั่วโลกต่างรู้ดีว่า เมื่อพ่อแม่ของพวกเขาพาพวกเขาขึ้นเตียงนอน และปิดไฟ มืดเมื่อไหร่ สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูตู้เสื้อผ้าจะกระโดดออกมาทันที แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ เคยรู้เลยก็คือ ที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้ต้องหลอกให้เด็กๆ กลัวไม่ใช่แค่เรื่องล้อเล่นส่วนตัว มันคือ ?งาน? ของพวกสัตว์ประหลาดทั้งหลาย
มอนสโทรโพลิสคือบ้านของเหล่าประชากรสัตว์ประหลาดที่มีทุกรูปร่างและทุกขนาด แหล่งพลังงาน หลักของพวกมันได้มาจากเสียงกรีดร้องของมนุษย์ และโรงงานที่ผลิตเสียงกรีดร้องขนาดใหญ่ที่สุด ก็คือ Monster, Inc. (หรือเอ็มไอ) ทีมสัตว์ประหลาดแถวหน้าของโรงงานจะเดินทางสู่โลกมนุษย์โดยผ่าน ประตูตู้เสื้อผ้าในยามค่ำคืน ก็เพื่อหลอกเด็กๆ ให้ตกใจกลัว และเก็บเสียงกรีดร้องของพวกเขาเอาไว้ ที่ ทำให้งานนี้ยากมากขึ้นก็คือความจริงที่ว่า สัตว์ประหลาดเหล่านี้เชื่อว่าพวกเด็กๆ คือของมีพิษ และถ้า ไปแตะโดนตัวเด็กเข้าจะนำมาซึ่งหายนะ
พนักงานที่เก่งที่สุดที่Monster, Inc. ก็คือ เจมส์ พี ซัลลิแวน หรือซัลลีย์ สัตว์ประหลาดตัวสีเขียวอมฟ้าที่ มีส่วนสูงแปดฟุต และมีจุดสีม่วง รวมถึงเขาบนหัว ผู้ช่วยสร้างเสียงกรีดร้องของซัลลีย์ ก็คือ สัตว์ ประหลาดตาเดียวตัวสีเขียวที่ชื่อว่า ไมค์ วาโซว์สกี้ ที่เผอิญเป็นเพื่อนร่วมห้อง และเป็นเพื่อนซี้ของซัล ลีย์ด้วย สำหรับคู่ซี้สองตัวนี้ ชีวิตมีความสุข ซัลลีย์อยู่ในยุครุ่งโรจน์ ปราศจากคู่แข่งใดๆ เว้นแต่เจ้ากิ้งก่า ที่ชื่อว่า แรนดัลล์ บ็อกก์ส ผู้สร้างเสียงกรีดร้องได้เป็นอันดับสอง รองจากซัลลีย์ ขณะเดียวกันนั้น ความ พยายามที่ไมค์พากเพียรจีบสาวที่ชื่อว่า ซีเลีย ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับของบริษัท เริ่มส่งผล เฮนรี่ เจ วอเตอร์นูส ประธานกรรมการบริหารของMonster, Inc. ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์อันเนื่องมาจากความจริงที่ว่า พวกเด็กๆ เริ่มไม่กลัวอะไรง่ายๆ เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
คืนหนึ่ง ซัลลีย์พบตัวเองยืนอยู่ที่ชั้นแห่งความกลัว และยังพบอีกว่า ประตูที่เปิดไปสู่ตู้เสื้อผ้าไม่ได้แปลงสภาพกลับไปเป็นท่อทางเดิน เมื่อเปิดประตูเพื่อสืบหาสาเหตุ ซัลลีย์ก็ต้องยอมรับว่า มีเด็กมนุษย์เพศหญิงคนหนึ่งหลุดรอดมายังโลกของเขาแล้ว ด้วยความเชื่อฝังหัวว่าเด็กๆ มีพิษ ซัลลีย์พยายามที่จะเอาชนะความกลัวของตัวเอง และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่กลับพบว่าสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้น เขากับไมค์ต้องพาเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งซัลลีย์ตั้งชื่อว่า บู กลับไปยังบ้านจนกว่าพวกเขาจะคิดหาทางออกได้ วันต่อมา พวกเขาจัดการปลอมแปลงบูให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง และพาเธอไปยังโรงงานโดยหวังจะส่งเธอกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
คืนหนึ่ง ซัลลีย์พบตัวเองยืนอยู่ที่ชั้นแห่งความกลัว และยังพบอีกว่า ประตูที่เปิดไปสู่ตู้เสื้อผ้าไม่ได้แปลงสภาพกลับไปเป็นท่อทางเดิน เมื่อเปิดประตูเพื่อสืบหาสาเหตุ ซัลลีย์ก็ต้องยอมรับว่า มีเด็กมนุษย์เพศหญิงคนหนึ่งหลุดรอดมายังโลกของเขาแล้ว ด้วยความเชื่อฝังหัวว่าเด็กๆ มีพิษ ซัลลีย์พยายามที่จะเอาชนะความกลัวของตัวเอง และจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่กลับพบว่าสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้น เขากับไมค์ต้องพาเด็กหญิงคนนั้น ซึ่งซัลลีย์ตั้งชื่อว่า บู กลับไปยังบ้านจนกว่าพวกเขาจะคิดหาทางออกได้ วันต่อมา พวกเขาจัดการปลอมแปลงบูให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง และพาเธอไปยังโรงงานโดยหวังจะส่งเธอกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ไมค์กับซัลลีย์ต้องเสี่้ยงต่อความปลอดภัยของตัวเอง ขณะที่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อส่งบูกลับไปยังโลกมนุษย์ ก่อนที่สัตว์ประหลาดตัวใดจะรู้ความจริงเข้า ทั้งซัลลีย์และไมค์ได้เข้าไปสะดุดแผนการขยายโรงงานผลิตโดยไม่รู้ตัว และพวกเขาต้องพบว่า พวกเขายืนอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนเข้าพอดี
นิสัยและบุคลิกของแต่ละตัวละคร
เจมส์ พี ซันลิแวน
คือสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ที่สูงถึง 8 ฟุต ขนปุกปุยสีเขียวอมฟ้าที่มีแต้มจุดสีม่วง และมีเขาสองข้าง สัตว์ประหลาดหน้าตาน่ากลัวตัวนี้คือสิ่งสุดท้ายที่พวกเด็กๆ อยากจะพบภายในตู้เสื้อผ้าของพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซัลลีย์ก็คือสัตว์ประหลาดที่สร้างเสียงกรีดร้องได้มากที่สุดในโรงงานMonster, Inc. อย่างไรก็ดี ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูน่ากลัว ซัลลีย์ก็คือเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ และการเผชิญหน้าอย่างใกล้ชิดกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ชื่อว่า บู ได้เผยให้เห็นถึงความสุภาพอ่อนโยนและบุคลิกที่ดูอบอุ่นภายในตัวซัลลีย์ นักแสดงยอดฝีมืออย่างจอห์น กู๊ดแมน (The Emperor?s New Groove, O Brother Where Art Thou?, Raising Arizona) เป็นผู้ให้เสียงพากย์แก่ซัลลีย์ และได้มอบเสน่ห์อันเหลือล้นให้กับยักษ์ใหญ่ใจดีตัวนี้ที่กำลังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหนักอก
ไมค์ วาโซว์สกี้
ไมค์ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวเขียวที่มีปัญญาฉับไวตัวนี้คือชีวิตของกลุ่มสัตว์ประหลาด และมีตาเดียวไว้สำหรับมองสาวๆ (โดยเฉพาะซีเลีย) ถึงแม้ว่าไมค์จะไม่ค่อยได้มองตาประสานตากับเพื่อนร่วมบ้านที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาด้วย แต่ไมค์ก็ภูมิใจในตัวซัลลีย์ และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นทั้งเพื่อนที่ซื่อสัตย์และใส่ใจเมื่อถึงเวลาที่ซัลลีย์มีปัญหา ตัวละครที่ทั้งตลกและมีสีสันตัวนี้ให้เสียงพากย์ที่สดใสโดยบิลลี่ คริสตัล ผู้มากไปด้วยความสามารถ และเคยฝากผลงานอันน่าประทับใจไว้แล้วทั้งในฐานะนักแสดง ดาราตลก ผู้กำกับ และยังเป็นพิธีกรเวทีออสการ์ที่ทุกคนชื่นชอบอีกด้วย
บู(Boo)
เด็กหญิงผู้กล้าหาญที่ค้นพบชีวิตอีกด้านหนึ่งของประตูตู้เสื้อผ้า ซึ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น และไม่กลัวเกรงอะไร บูเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยที่เธอมีพร้อมกับซัลลีย์และไมค์ในนครมอนสโทรโพลิส เธอไม่ประสาต่อความวุ่นวายที่เธอเป็นผู้ก่อ และอันตรายที่เธอกำลังเผชิญ แมรี่ กิ๊บบ์ส (ซึ่งปัจจุบันอายุสี่ขวบครึ่ง) ลูกสาวร็อบ กิ๊บบ์ส ศิลปินแผนกพัฒนาเรื่องของพิกซาร์ ประเดิมงานแสดงชิ้นแรกด้วยการให้เสียงพากย์กับตัวละครตัวนี้ และยังเป็นผู้มอบบุคลิกบางส่วนให้กับตัวละครตัวนี้ด้วย
แรนดัลล์ บ็อกกัส(สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนกิ้งก่า)
แรนดัลล์ บ็อกกัส(สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนกิ้งก่า)
สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนกิ้งก่าน่าเกลียดตัวนี้จะไม่ยอมหยุดยั้งที่จะทำให้ตัวเองได้กลายเป็นนักล่าเสียงกรีดร้องมือหนึ่งของMonster, Inc. ถึงแม้ว่ามันจะหมายถึงการต้องทำลายชื่อเสียงของซัลลีย์ หรือการทำเรื่องขี้โกง (และด้วยมือที่มีมากถึงแปดมือ ก็ทำให้แรนดัลล์ทำเรื่องขี้โกงได้ง่ายอยู่แล้ว) ด้วยความสามารถที่ไม่ต่างจากกิ้งก่าที่สามารถปรับสีตัวให้กลืนเข้ากับสภาพแวดล้อม แรนดัลล์จึงเป็นนักแอบฟังที่เก่ง และเขายังซ่อนกลเม็ดเด็ดไว้ที่แขนเสื้อซึ่งเขาหวังว่าจะทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งได้ สตีฟ บุสเซมี่ นักแสดงผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถ (Ghost World, Fargo, Barton Fink, Reservoir Dogs) มาเป็นผู้สร้างอารมณ์ขันและความเจ้าเล่ห์ให้กับตัวละครที่ลื่นไหลไวเป็นกรดตัวนี้
ซีเลีย (พนักงานต้อนรับสาว)
พนักงานต้อนรับสาวที่มีผมเป็นงูรายนี้มีรูปร่างหน้าตาที่มีก็แต่สัตว์ประหลาดด้วยกันเท่านั้นที่จะรักลง แต่เธอมีนิสัยที่ชอบเปลี่ยนผู้ที่มองดูเธอให้กลายเป็นเนยมากกว่าจะเปลี่ยนให้แข็งเป็นก้อนหิน ทั้งหมดที่ซีเลียต้องการก็คือการได้ใช้เวลาอยู่กับหมีน้อยที่แสนน่ารักของเธอ (ไมค์ วาโซว์สกี้) แต่มักต้องมีอะไรผิดพลาดเสมอเมื่อเขาและเธออยู่ด้วยกัน เจนนิเฟอร์ ทิลลี่ (ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากผลงานของวูดี้ อัลเลนเรื่อง Bullets Over Broadway) มาเป็นผู้ให้เสียงพากย์ที่ร่าเริงกับซีเลียที่สุดร่าเริงแต่พูดมาก
รอซ (สาวแก่เจ้าระเบียบ)
เฮนรี่ เจ วอเตอร์นูส (ประธานกรรมการบริหารของMon Inc)
เฮนรี่ในฐานะประธานกรรมการบริหารของMonster, Inc. ที่มีงานยุ่ง ดูจะกำลังกลุ้มใจกับปัญหาเรื่องการขาดแคลนพลังงาน ผลกำไรที่ตกลง และเด็กมนุษย์คนหนึ่งที่เล็ดรอดเข้ามา ถึงแม้ว่าเฮนรี่จะใจดีกับซัลลี่ ซึ่งเป็นดาราประจำโรงงานของเขา แต่เมื่อถึงคราเข้าตาจน เฮนรี่ก็พร้อมเตรียมตัวที่จะทำสิ่งที่เขาต้องกระทำเพื่อรักษาบริษัทที่เป็นสมบัติตกทอดของตระกูลมาหลายชั่วสัตว์ประหลาดเอาไว้ เจมส์ โคเบิร์น (Affliction, Our Man Flint, The Great Escape) นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์มาเป็นผู้ให้เสียงพากย์กับสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายปู และมีโครงกระดูกเก็บเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าตัวนี้
Monsters University
นับตั้งแต่ที่ไมค์ วาซาวสกี้ (พากย์เสียงโดยบิลลี่ คริสตัล) น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ เป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย เขาก็ใฝ่ฝันที่จะได้เป็นสัตว์ประหลาดหลอกคนมาตลอด และเขาก็รู้ดีกว่าใครว่า สัตว์ประหลาดที่หลอกคนได้เก่งที่สุดจบจากมหา’ลัยมอนสเตอร์ (เอ็มยู) กันทั้งนั้น แต่ระหว่างเข้าเรียนเทอมแรก แผนการของไมค์กลับพบอุปสรรคเมื่อเขาได้เจอกับเจมส์ พี. ซัลลิแวน “ซัลลี่” พ่อหนุ่มคนเก่ง (พากย์เสียงโดยจอห์น กู๊ดแมน) ผู้เป็นสัตว์ประหลาดหลอกคนแต่กำเนิด การแข่งขันชิงดีชิงเด่นที่เกินขอบเขตของพวกเขาทำให้ทั้งคู่โดนเตะออกจากหลักสูตรหลอกคนชั้นสูงของมหาวิทยาลัย ซ้ำร้าย พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาต้องร่วมมือกัน และจับมือกับกลุ่มมอนสเตอร์ตัวป่วน หากยังหวังว่าจะแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
มหา'ลัย มอนส์เตอร์ (อังกฤษ: Monsters University) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแนวตลก 3 มิติอเมริกันในปี 2013 ที่ผลิตโดย พิกซาร์ แอนิเมชั่น สตูดิโอส์ และจัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส[2] กำกับโดย แดน สแกนลอน และผู้ผลิตโดย โคไร รา เป็นภาพยนตร์ที่ 14 ที่ผลิตโดยพิกซาร์และเป็นภาพยนตร์ที่ต่อจากภาคบริษัทรับจ้างหลอน (ไม่) จำกัด ในปี 2001
เรื่องย่อ
เรื่องราวชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของ 2 สัตว์ประหลาดนักหลอน ไมค์ วาซอว์สกี้ และ เจมส์ พี. ซัลลิแวน ก่อนที่ทั้งคู่จะเป็นเพื่อนซี้กัน และเหล่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ กับชีวิตวัยรุ่นสุดมันส์ ใครจะไปรู้ละว่า ก่อนที่ไมค์กับซัลลี่จะกลายมาเป็นเพื่อนซี้กันขนาดนี้ เขาเคยเกลียดขี้หน้ากันขนาดไหนตอนอยู่มหาวิทยาลัย!
สินค้าออนไลน์และร้านค้าทั่วไป
1.เคสโทรศํัพท์

2. ปากกาดินสอ
2.พิกเล็ต


จุดกำเนิด
มิลน์ตั้งชื่อตัวละครวินนี่-เดอะ-พูห์ตามชื่อหมีเท็ดดีซึ่งบุตรชาย คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ เป็นเจ้าของ ผู้ซึ่งเป็นแบบของตัวละครคริสโตเฟอร์ โรบิน ของเล่นของคริสโตเฟอร์ยังได้ใช้เป็นชื่อของตัวละครอื่นส่วนใหญ่ ยกเว้นตัวละครนกฮูก กระต่ายและโกเฟอร์ ซึ่งเพิ่มเข้ามาในรุ่นดิสนีย์ หมีของเล่นของคริสโตเฟอร์ โรบิน ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่สาขาหลักของหอสมุดสาธารณะนิวยอร์กในนครนิวยอร์ก
คริสโตเฟอร์ มิลน์ตั้งชื่อหมีของเล่นของเขาว่า วินนี่ หมีดำแคนาดาซึ่งเขามักเห็นบ่อยที่สวนสัตว์ลอนดอน และ "พูห์" หงส์ที่พวกเขาพบขณะเป็นวันหยุด ลูกหมีตัวนั้นถูกซื้อมาจากนายพรานเป็นราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยโทแคนาดา Harry Colebourn ในไวต์ริเวอร์ รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา ขณะเดินทางไปอังกฤษระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาตั้งชื่อหมีนั้นว่า "วินนี่" ตามชื่อเมืองเกิดของเขาในวินนีเพ็ก รัฐแมนิโทบา "วินนี่" ถูกลอบซื้อไปยังอังกฤษร่วมกับเจ้าของของมัน และกล่าวขานกันว่าเป็นมาสคอตประจำกรมฟอร์ตแกร์รีฮอร์สอย่างไม่เป็นทางการ Colebourn ทิ้งวินนี่ไว้ที่สวนสัตว์ลอนดอน ขณะที่เขาและหน่วยของเขาประจำอยู่ในประเทศฝรั่งเศส หลังสงคราม มันถูกบริจาคให้แก่สวนสัตว์อย่างเป็นทางการ เมื่อมันได้รับความสนใจรักใคร่เป็นอันมาก
ป่าแอชดาวน์: ฉากของเรื่อง
เรื่องวินนี่-เดอะ-พูห์จัดว่าเกิดขึ้นในป่าแอชดาวน์ มณฑลซัสเซ็กซ์ อังกฤษ ป่านั้นอยู่ในบริเวณธรรมชาติงดงามที่ดีเด่นไฮวีลด์ (High Weald Area of Outstanding Natural Beauty) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงลอนดอน 50 กิโลเมตร ใน ค.ศ. 1925 มิลน์ ซึ่งเป็นชาวลอนดอน ซื้อบ้านชนบทห่างจากป่าไปทางเหนือ 1 ไมล์ คริสโตเฟอร์ บุตรชายของมิลน์ ว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากป่าแอชดาวน์ บิดาของเขาได้ใช้มันเป็น "ฉากหลักของหนังสือสองเล่มของท่าน โดยเล่มที่สองเสร็จนานกว่าสามปีหลังมาถึงเล็กน้อย"
สถานที่หลายแห่งในเรื่องสามารถเชื่อมโยงกับสถานที่จริงทั้งในและรอบ ๆ ป่าได้ ดังที่คริสโตเฟอร์ มิลน์เขียนในอัตชีวประวัติของเขา "ป่าของพูห์และป่าแอชดาวน์เหมือนกัน" ตัวอย่างเช่น "ป่าร้อยเอเคอร์" ในบันเทิงคดีนั้น แท้จริงแล้วคือ ป่าห้าร้อยเอเคอร์
ติดตามได้ที่ : https://th.wikipedia.org/wiki
พิกเล็ต

พิกเลต เป็นหมูสีชมพูตัวเล็ก ( ถ้าไม่บอกก็คงไม้รู้ว่าเป็นหมู ) อาจเป็นเพราะว่ามันตัวเล็ก มันจึงขี้ขลาด ขี้กลัว แต่มันจะอุ่นใจและมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเมื่อมีพูห์มาอยู่ใกล้ๆ อย่างตอนนี้ พิกเลตเจอะเฮฟฟาลัมป์
วันหนึ่งคริสโตเฟอร์ โรบิน กับวินนี่เดอะพูห์ กับพิกเลตกำลังคุยกัน และนั่งกินอะไรซักอย่างด้วยกัน กลางป่า 100 เอเคอร์อยู่ คริสโตเฟอร์ โรบินอวดว่าวันนี้ได้เจอเฮฟฟาลัมป์ตัวหนึ่ง ส่วนพูห์และพิกเลตก็ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองเคยเจอหรือเปล่าเพราะไม่รู้ว่าเฮฟฟาลัมป์เนี่ยหน้าตามันเป็นยังไง ระหว่างทางกลับบ้านพูห์กับพิกเลตวางแผนจะจับเฮฟฟาลัมป์กัน โดยพิกเลตเป็นขุดหลุมทำกับดัก แล้วพูห์ก็จะหาอะไรซักอย่างมาล่อ มันจึงกลับบ้านแล้วไปค้นอะไรบางอย่างในตู้ มันตกลงใจเอาน้ำผึ้งสักโถหนึ่ง...แล้วมันก็เดินตุ้บตั้บหอบโถน้ำผึ้งไปหาพิกเลต พิกเลตขุดหลุมซะลึกเชียว... หลังจากวางกับดักเสร็จ พูห์กับพิกเลตก็กลับไปนอน แต่พูห์ก็นอนไม่หลับซักที นับแกะก็แล้ว แต่เฮฟฟาลัมป์ก็โผล่มาทุกที พูห์ทนไม่ได้ต้องหาอะไรใส่ท้องซักหน่อยเผื่อมันจะนอนหลับสบายก็ได้ เฮ้! ก็โถน้ำผึ้งของพูห์อยู่ในหลุมเฮฟฟาลัมป์ พูห์ตามความหิวไปที่หลุมดัก มันกินไปอย่างเอร็ดอร่อย เลียจนถึงก้นโถ โอ๊ะ! มันเอาหัวยัดเข้าไปในโถแล้ว...แล้วดึงออกไม่ได้ พิกเลตตกใจตื่นขึ้นมาด้วยความกล้าๆ กลัวๆ พอไปถึงที่ปากหลุมมันยิ่งแน่ใจว่าเป็นเฮฟฟาลัมป์แน่นอน พิกเลตจึงบึ่งไปหาคริสโตเฟอร์ โรบิน คริสโตเฟอร์ โรบินผู้มีสติดีที่สุดก็เป็นผู้เฉลยและช่วย เจ้าเฮฟฟาลัมป์ตัวนั้นออกมา
ตัวละคร
1. วินนี่ เดอะ พูห์

วินนี่ เดอะ พูห์ หมีอ้วนสีเหลือง ซึ่งเป็นตัวละครเอกของเรื่อง ชอบความร่าเริงสนุกสนานอารมณ์ดี ไม่คิดอะไรเครียดๆ ก็คือมองโลกในแง่ดี ชอบแต่งกลอน แต่งเพลง แล้วก้ร้องเอง ชอบสนุกกับเพื่อนๆ มีความคิดแปลกๆ อาจเป็นความคิดที่คนอื่นอาจ จะมาองข้ามไป แต่พูห์นึกออก แล้วนำความคิดนั้นมาใช้ ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวสนุกๆ ขึ้นมากมาย
วันหนึ่งวินนี่เดอะพูห์ออกมาเดินเล่น แล้วไปเจอะกับต้นโอ๊กใหญ่ต้นหนึ่ง อะฮ้า! มีรังผึ้งฝูงใหญ่อยู่บนต้นนั้น แล้วมันก็ต้องมีน้ำผึ้งอยู่ มันเริ่มปีนขึ้นไป ปีนขึ้นไป พร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดก็้เกิดขึ้น มันตกลงมา แต่มันก็ยังไม่ละความพยายาม มันไปถามคริสโตเฟอร์ โรบินถึงลูกโป่งสักใบหนึ่ง มันคิดจะปลอมตัวเป็นก้อนเมฆ ลอยขึ้นไป แล้วมันก็เกาะลูกโป่งลอยขึ้นไป เพื่อให้ฝูงผึ้งตายใจจริงๆ คริสโตเฟอร์ โรบิน จึงกางร่ม แล้วเดินไปมาพลางบ่นพึมพำใต้ต้นโอ๊ก พูห์ลอยขึ้นไปอย่างสบายอารมณ์ แตไม่ง่ายเสียแล้วฝูงผึ้งไม่ได้โง่อย่างที่มันคิด มันเริ่มเข้ามาหาก้อนเมฆเป็นฝูง คริสโตเฟอร์ โรบิน จึงตัดสินใจช่วยพูห์โดยยิงปืนอัดลมที่เอามาด้วย ลูกโป่งแตกตุ้บ แล้วพูห์ก็ค่อยๆ ร่วงลงมาพร้อมกับท่ายกแขนเกาะสายลูกโป่ง
3.ยอร์
3.ยอร์
ยอร์ ลาแก่สีเทามักยืนอยุ่ตามลำพัง ที่ใต้ต้นไม้ข้างลำธารแล้วมันก็คิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยๆ
วันหนึ่งพูห์เดินแวะมาทักทายมัน เอ๊ะ! พูห์แปลกใจ...เกิดอะไรขึ้นกับหางของอียอร์ หางอียอร์หายไปไหน อียอร์หมุนดุรอบตัวท่าทางหางมันจะไม่อยู่จริงๆ ด้วย ทำไงดีล่ะ พูห์จึงตกลงใจจะหาหางให้อียอร์เอง พูห์เริ่มจากไปปรึกษาอาวล์ ที่หน้าประตูบ้านอาวล์มีทั้งที่เคาะประตูและสายกระดิ่งให้ดึง ใต้ที่เคาะประตูมีข้อความว่า "กะรุณาดึงกะดิ่งถ้าต้องการให้มาเปออิด" และะที่ใต้สายกระดิ่งมีข้อความเขียนว่า "กะรุนาเคะาถ้าไม่ต้องการให้มาเปอด" ซึ่งผู้เขียนป้ายนั้นก็คือ คริสโตเฟอร์ โรบิน พูห์อ่านข้อความอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วมันก็ตัดสินใจทั้งดึงและเคาะพร้อมกับตะโกนด้วย มันปรึกษากับอาวล์เล็กน้อยถึงวิธีการหาหางของอียอร์ แล้วมันก็คิดว่าถึงเวลาหม่ำอะไรเล็กๆ น้อยๆ อาวล์อวดที่เคาะประตูอันใหม่ มันเล่าว่ามันได้มาจากที่พุ่มไม้ในป่า ดุเหมือนจะไมมีใครต้องการมัน แต่พูห์ว่ามันคุ้นๆ อยู่นะ เอ...มีคนต้องการมันด้วย มันคือหางของอียอร์ไง หลังจากคริสโตเฟอร์ โรบินตอกตะปูติดหางอียอร์กลับเข้าที่เดิม อียอร์ดีใจกระโดดโลดเต้นไปทั่วป่า และหลังจากพูห์ หาอะไรหม่ำเล็กๆ น้อยๆ แล้วมันก็ร้องเพลงเป็นทำนองที่ว่ามันหาหางอียอร์เจอ
4.เสือ

Tigger เสือที่ใช้หางของตัวเองกระโดดไปไหนมาไหนได้เหมือนกับสปริง ในตัวของ Tiggerเต็มไปด้วยความสนุกสนานอย่างที่สุด เขามักจะแชร์ความสนุกกับเพื่อนของเขาเสมอ แต่ยกเว้นกับ Rabbit ที่เขาไม่ค่อยอยากจะสนุกด้วย Tigger เป็นเสือที่ชอบใช้คำพูดที่ผิดๆโอ้อวดพูดอะไรเกินจริง เป็นตัวป่วนที่สุดในหมู่เพื่อนชอบทำตัวเป็นผู้รู้และชอบเป็นนักสืบและยังมีเพื่อนอีกมากมาย
รายชื่อตัวละคร
ติดตามได้ที่ : https://th.wikipedia.org/wiki/
สินค้าออนไลน์และร้านค้าทั่วไป
1.กระเป๋า


2.พวงกุญแจ


ภาพยนตร์
- The Many Adventures of Winnie the Pooh (1977)
- Winnie the Pooh Discovers the Seasons (1981) (ภาพยนตร์สั้น)
- The Tigger Movie (2000)
- Piglet's Big Movie (2003)
- Pooh's Heffalump Movie (2005)
- Winnie the Pooh (2011)
ภาพยนตร์สั้นพิเศษ
- Winnie the Pooh and the Honey Tree (1966)
- Winnie the Pooh and the Blustery Day (1968)
- Winnie the Pooh and Tigger Too (1974)
- Winnie the Pooh and a Day for Eeyore (1983)
ติดตามได้ที่ : https://th.wikipedia.org/wiki